หลาย ๆ คนมีผลิตภัณฑ์สมุนไพรชนิดผงเอาไว้ใช้งานเพื่อชงดื่มกิน แต่ทว่าเราจะสังเกตได้อย่างไรว่าสิ่งที่เราใช้งานอยู่นี้เสื่อมสภาพแล้วหรือยัง? อย่าง “ผงขิง” เองก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบันได้รับการเลือกซื้อใช้งานเพื่อบำรุงดูแลสุขภาพเป็นอันดับต้น ๆ และหากเราได้ศึกษาทำความเข้าใจไว้ก็ทำให้ลดความเสี่ยงกินสมุนไพรเสื่อมสภาพ ไม่เกิดอันตรายต่อร่างกาย
เราจะสังเกตผลิตภัณฑ์ผงขิงอย่างไรว่าหมดอายุแล้ว?
“ขิง” เป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่พร้อมช่วยบำรุงร่างกายในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น แก้ปวดไมเกรน, บรรเทาอาการอาหารไม่ย่อย, ปวดประจำเดือน, คลื่นไส้, ช่วยแก้เมาค้าง, เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย, ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด, แก้ร้อนใน, ช่วยป้องกันแผลในกระเพาะอาหาร พร้อมรักษากรดไหลย้อน, บำรุงหัวใจและหลอดเลือก ฯลฯ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วผงขิงนี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถสังเกตความเสื่อมสภาพได้ง่าย เพราะลักษณะจะเป็นผงละเอียดที่เราสามารถตักตวงปริมาณแล้วนำมาชงดื่มกินได้ตลอดวัน กระนั้นถ้าจะให้สังเกตจริง ๆ เราสามารถทำได้ ดังวิธีการต่อไปนี้
- เริ่มต้นสังเกตง่าย ๆ จากฉลากบรรจุภัณฑ์ที่มีระบุวัน/เดือน/ปีที่ผลิต และหมดอายุ เช่น กระปุกบรรจุภัณฑ์ ส่วนใหญ่แล้วหากเป็นเดือน และปีที่หมดอายุแบบเฉพาะเจาะจง วันหมดอายุโดยทั่วไปก็จะเป็นวันสุดท้ายของเดือนนั้น ๆ
- บางแหล่งอาจจะมีสารกันบูด หากอ่านส่วนผสมแล้วมีขึ้นมาจริง ๆ ให้ใช้ได้ไม่เกิน 6 เดือนหลังจากมีการเปิดใช้งานเรียบร้อยแล้ว
- หากเปิดบรรจุภัณฑ์แล้วพบว่าผงละเอียดมีลักษณะติดเป็นก้อนที่อาจมาจากความชื้น ก็ไม่เหมาะสมที่จะใช้งานต่อ เพราะนั่นอาจมีเชื้อราอยู่ก็เป็นได้
- สีที่ควรจะเป็นสีเหลืองด้วยลักษณะของผงขิงกลับกลายเป็นสีน้ำตาล หรือเปลี่ยนสีไปดื้อ ๆ หรือสีไม่เหมือนกันช่วงแรกที่เราตักใช้งานก็ให้เปลี่ยนเลยทันทีอย่าใช้ต่อ
โดยทั่วไปแล้วผลิตภัณฑ์แบบบดเป็นผงแบบนี้ จะมีอายุการใช้งานได้ 3 ปี แต่ก็จะขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของพื้นที่จัดเก็บบรรจุภัณฑ์ด้วย ไม่ควรไว้ในที่เย็น ๆ อย่างตู้เย็นเด็ดขาด เพราะจะเกิดความชื้นได้ และอยากแนะนำทุก ๆ คนเมื่อต้องการตักผงผลิตภัณฑ์ขึ้นมาควรเป็นช้อนที่แห้ง เมื่อตักแล้วก็ล้างเก็บทันที เพื่อไม่ให้ความชื้นจากช้อนลงไปถูกผงได้ และปิดฝาสนิทไม่ทำให้อากาศ รวมถึงแบคทีเรียต่าง ๆ เข้าไปเจือปนอยู่ด้านในผลิตภัณฑ์แบบนั้นคงทำให้เสื่อมสภาพได้ไวมากกว่าเดิมไปอีก
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเราจะต้องชงผงขิงดื่มกินอย่างสม่ำเสมอ แต่ก็ไม่ควรชงในปริมาณที่มากเกินไป เพราะจากที่จะช่วยร่างกายอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้เช่นกัน หวังว่าวิธีการสังเกตเหล่านี้จะช่วยคุณได้ไม่มากก็น้อย และหากพบความผิดปกติขึ้นมาจริง ๆ ก็อย่าเสียดายให้ทิ้งไปเลยดีที่สุด
Pageviews | 456,603 view(s) |
Visitors | 323,956 time(s) |
Open since | Oct 7, 2019 |
Last updated | Aug 27, 2025 |